Lunae\'s Fairytale: ซินเดอเรลล่าฉบับG-SEED - Lunae\'s Fairytale: ซินเดอเรลล่าฉบับG-SEED นิยาย Lunae\'s Fairytale: ซินเดอเรลล่าฉบับG-SEED : Dek-D.com - Writer

    Lunae\'s Fairytale: ซินเดอเรลล่าฉบับG-SEED

    This fanfiction may be revised to release in GWF2004.

    ผู้เข้าชมรวม

    812

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    812

    ความคิดเห็น


    10

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 มี.ค. 47 / 01:41 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...
      มีดรุณีนางหนึ่งนามว่าKagari อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงใจร้ายนามว่าFllay ซึ่งพ่วงน้องสาวร่วมบิดาเดียวกันนามว่าKira หลังจากบิดาตายจากไปเมื่อเด็กสาวอายุ8ปี มารดาเลี้ยงที่เคยใจดีก็เปลี่ยนนางยักษ์คอยกดขี่Kagariให้รับใช้สองแม่ลูกราวข้าทาส จนเพื่อนบ้านพากันขนานนามหญิงสาวว่า \"ซินเดอเรลล่า\" และนามคาการิก็เลือนหายไปตามกาลเวลา

      และแล้วหญิงสาวผู้อาภัพก็อายุครบ16ปี...
      วันหนึ่งมีสาสน์จากปราสาทผู้ครองแคว้นมาถึงบ้านทุกหลังคาเรือน เรียนเชิญหญิงสาวทุกคนให้ไปร่วมงานเลี้ยงเต้นรำฉลองวันเกิดครบรอบ16ปีของเจ้าชายAthrun เฟลย์ที่มุ่งมาดปรารถนาตำแหน่งแม่ยายองค์รัชทายาทเต็มที่จึงจัดแจงแต่งตัวให้คิระลูกรักสุดสวาทขาดใจอย่างปราณีต โดยมีคาการิที่สะกดกลั้นน้ำตาแห่งความรันทดเป็นลูกมือ

      ในคืนวันงานนั้นเอง..คาการิซึ่งไม่มีสิทธ์ไปร่วมงานอย่างแน่นอนก็ไปนั่งร้องไห้รำพันกับนกแก้วปริศนาที่เข้ามาทำรังอยู่ใต้หลังคาห้องครัว และหญิงสาวตั้งชื่อให้ว่าTori

      \"ทำไมโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเช่นนี้นะ น้องสาวข้าได้ไปงานแก่ข้ากลับต้องมานั่งอยู่ก้นครัวแบบนี้\"
      คาการิรำพัน

      \"Tori...\"    นกแก้วร้องเสียงสูง

      ทันใดนั้นก็มีแสงสีชมพูสว่างเรืองรองพร้อมปรากฎร่างนางฟ้าในชุดขาวผู้มีผมสีชมพูหยิกหยักศก ซึ่งคงจะสวยงามมากถ้าไม่มีลูกบอลกลมๆหลากสี13ตัวรายรอบร้องเสียง \"Haro! Haro!\" สุดแสนหนวกหู แล้วนางฟ้าผมชมพูก็บอกหญิงสาวว่าตนชื่อLacusเป็นนางฟ้าแม่ทูนหัวของหญิงสาวนั่นเอง และมาเพื่อช่วยเหลือให้คาการิได้ไปพบเนื้อคู่ในงานเต้นรำ

      แม้คาการิจะไม่เข้าใจเรื่องเนื้อคู่อะไรเท่าไร แต่ความอยากไปงานเต้นรำจึงรีบเร่งเร้าให้นางฟ้าทูนหัวของตนช่วยทันที ดังนั้นนางฟ้าลาคัสจึงเสกชุดซอมซ่อของหญิงสาวให้เป็นชุดราตรีสีเขียวอ่อนรับกับริบบิ้นที่ผูกผมของหญิงสาวอย่างงดงาม จากนั้นก็เสกลูกบอลมีชีวิตที่นางเรียกว่าPink_chanให้กลายเป็นรถม้า แล้วเลือกบอลอีกสองสีมาเป็นม้าเทียมรถ ส่วนคนขับก็ใช้นกแก้วโทรินั่นเอง

      ก่อนหญิงสาวจะเดินทางไปร่วมงานเต้นรำ นางฟ้าลาคัสก็กำชับว่าให้รีบกลับก่อนเที่ยงคืนมิฉะนั้นมนต์จะเสื่อม และคาการิต้องกลับสู่สภาพเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย

      เมื่อมาถึงงานเต้นรำในปราสาท ความที่หญิงสาวมาเป็นคนสุดท้ายจึงกลายเป็นจุดสนใจของงานไปทันที เจ้าชายอัสรันที่กำลังเต้นรำกับน้องสาวของคาการิเมื่อสบตากันเข้าก็เกิดศรรักปักอกรีบผละมาขอหญิงสาวเต้นรำแทนทันที และทั้งสองก็ไม่ยอมเปลี่ยนคู่กันเลยตลอดงาน จนคิระที่มั่นอกมั่นใจว่าหว่านเสน่ห์ได้ผลถึงกับพร่ำรำพันกับมารดา
      \"เจ้าชายเจอลูกก่อนแท้ๆ นังนั่นคาบไปกินเฉยเลย!!\"
      และเฟลย์ก็ต้องปลอบให้ใจเย็นๆด้วยวางแผนการครอบครองตำแหน่งแม่ยายองค์รัชทายาทไว้แล้วนั่นเอง...

      และแล้วสัญญาณบ่งบอกเวลาเที่ยงคืนครั้งที่หนึ่งก็ดังขึ้น!
      บึ้มมม

      คาการิที่กำลังเคลิ้มกับความเป็นสุภาพบุรุษของเจ้าชายพลันได้สติ รีบวิ่งหนีออกจากงานไปทันที แต่อัสรันไม่ยอมปล่อยหญิงสาวหลุดมือไปเด็ดขาดจึงรีบวิ่งตามจนทันกันที่ประตูออกนอกปราสาท

      \"ข้าต้องกลับแล้ว!\"    คาการิพยายามปลดมือเจ้าชายออกอย่างอาลัยอาวรณ์แต่ความกลัวหน้าแตกมีมากกว่าจึงออกแรงเต็มที่จนผลักเจ้าชายล้มลงกับพื้น

      \"เจ้ายังไม่บอกชื่อกับข้าเลย\"    เจ้าชายตัดพ้อ

      \"ข้าชื่อคาการิ ข้าอาศัยอยู่ในหมู่บ้านหลังปราสาทนี่แหละ\"    แล้วคาการิก็ถลกกระโปรงโกยอ้าวไม่เหลียวหลัง เหลือทิ้งไว้เพียงรองเท้าแก้วข้างหนึ่งเป็นของดูต่างหน้าแก่อัสรัน

      ดังนั้นวันรุ่งขึ้นเจ้าชายจึงมอบภารกิจลับให้แก่สามทหารเสือคู่ใจคือการหาหญิงสาวที่สามารถสวมรองเท้าแก้วข้างนี้ได้นั่นเอง และแล้วสามทหารเสืออันประกอบไปด้วย Yzarkผู้ใจร้อนวู่วาม, Dearkaจอมขี้เกียจ, และ Nicole ผู้มอบชีวิตจิตใจให้แก่เจ้าชายเพียงคนเดียวก็ค่อยๆนำรองเท้าแก้วไปให้หญิงสาวในหมู่บ้านหลังปราสาทลองทีละหลังคาเรือน และในที่สุดก็มาถึงบ้านของคาการิ(แต่เฟลย์กับคิระยึดเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนตน)

      เมื่อได้ฟังเรื่องจากอิซาคที่ทำตนเป็นหัวหน้ากลุ่มและได้ยินชื่อคาการิแล้วก็ลำดับเรื่องราวได้โดยทันทีเลยให้คิระลองรองเท้าก่อน พร้อมกันนั้นก็รีบลากคาการิไปล่ามโซ่ไว้ในคอกวัว เมื่อกลับมารับหน้าสามทหารเสือก็พบว่าลูกรักกำลังลำบากใจที่ยัดเท้าไม่เข้ารองเท้าแก้วสักที เฟลย์ต้องรีบยัดเงินให้อิซาคให้สับเปลี่ยนรองเท้าแก้วที่ตนทำเลียนแบบขึ้นมาเอง แต่เดียร์ก้าซึ่งสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลกำลังจะท้วงก็โดนเฟลย์หว่านเสน่ห์ใส่เลยเออออห่อหมกไปด้วย เหลือแต่นิโคลที่ออกไปเดินเล่นนอกบ้านเพราะเหม็นขี้หน้าคิระตั้งกะแรกเห็น แล้วก็ได้ยินเสียงเพลงลอยมาตามลมเลยเดินหาที่มาจนพบคาการิในคอกวัว ด้วยความสงสารก็เลยปลดโซ่ให้แล้วพามาที่ห้องโถงบ้านซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นการติดสินบนพอดี พร้อมอ้างพระราชโองการที่ให้หญิงสาวทุกคนลองรองเท้าข้างนี้ และคาการิก็สวมได้อย่างพอดิบพอดีเสียด้วยจึงพาเข้าวังไปอย่างชอบธรรม

      เมื่อคาการิได้พบกับอัสรันอีกครั้ง...ด้วยความซอมซ่อทำให้เจ้าชายไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นนางในดวงใจจวบจนได้เต้นรำด้วยจึงเชื่อสนิท แล้วนางฟ้าลาคัสก็ปรากฎกายอีกครั้งพร้อมเสกชุดราตรีชุดเดิมให้คาการิสวมใส่พร้อมรองเท้าแก้วอีกข้างที่หายไป จากนั้นทั้งสองจึงได้ครองรักกันอย่างมีความสุข(มั้ง)จวบจน...
      .
      ..
      ...
      ....
      .....
      แน่ละว่าเฟลย์ที่วางแผนมาเนิ่นนานในการยกลูกสาวของตนให้เป็นเจ้าหญิงพระชายาย่อมไม่ลดละความพยายามเช่นนี้แน่แผนร้ายอำมหิตจึงได้อุบัติขึ้น!?!

      หลังจากคาการิกลับจากฮันนีมูนกับอัสรันก็ได้เดินทางกลับบ้านเพื่อเก็บข้าวของตามคำขาดของเฟลย์ที่แจ้งว่าจะไม่ส่งไปให้ที่ปราสาทเองเด็ดขาด
      อัสรันเลยมอบหมายให้สามทหารเสือตามมาช่วยขนของ แต่แล้วเมื่อถึงบ้านเก่า คิระก็คอยขัดขวางทั้งสามไว้ ในขณะที่เฟลย์หลอกล่อพาคาการิไปที่บ่อน้ำเก่าในสวนโดยอ้างว่าจะมอบสมบัติสำคัญของพ่อให้ เมื่อถึงบ่อก็เอาขวานจามหัวก่อนผลักตกลงไปในบ่อน้ำลึกอันมืดมิด จากนั้นก็รีบตอกตะปูปิดตายปากบ่ออย่างถาวร ทางด้านคิระก็รีบสับเวรรับรอง3ทหารเสือกับมารดาเพื่อแอบไปดื่มน้ำยาสรรพรสสูตรเข้มข้นเพียง1ลิตรก็เปลี่ยนเป็นอีกคนอย่างถาวร และแล้วคิระก็ได้เข้าวังในฐานะคาการิโดยไม่มีใครสงสัยเลย

      เนื่องจากเจ้าชายอัสรันออกรบเป็นเวลา3เดือนถึงเพิ่งกลับเข้าวังไม่อาจสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเมียรักมากนักนอกจากนกแก้วที่ตามมาด้วยแต่แรกหายไป และคาการิที่ชอบแสดงความรักด้วยการกระโดดเข้าล็อคคอจากด้านหลังหรือชกตนเสียกระเด็นเวลาอายกลายเป็นคนอ่อนหวานออดอ้อนออเซาะได้อย่างน่ารักเป็นที่สุด

      แต่แล้วคืนหนึ่งซึ่งอากาศอบอุ่นผิดปกติจนอัสรันต้องสั่งให้เปิดหน้าต่างห้องบรรทมไว้ นกแก้วโทริที่หายหน้าไปก็บินกลับมา สร้างความดีใจแก่เจ้าชายอัสรันมาก ในขณะที่คาการิตัวปลอมหน้าซีดเผือดเนื่องจากตนไล่นกตัวนี้ไปเพราะมันมองเห็นร่างจริงของตนและเข้าทำร้ายนั่นเอง ดังนั้นวันรุ่งขึ้นเมื่อพระสวามีออกว่าราชการ คิระก็รีบถือกรงนกไปส่งให้ห้องครัวทำอาหารทันที

      แต่ก่อนที่โทริจะกลายเป็นนกยัดไส้ พิงค์จังก็โผล่มาถอดสลักกรงให้และพาหนีไปพบกับนางฟ้าลาคัสกำลังนั่งร้องเพลงในอุทยานอย่างสบายใจ เมื่อนางเห็นนกแก้วมาถึงแล้วจึงกล่าวขึ้นว่า...
      \"เจ้าต้องพยายามทำให้เจ้าชายจดจำเจ้าให้ได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่ได้คืนชีพ และต้องเสาะหาคนที่เกิดวัน เดือน ปีเดียวกันกับเจ้าเพื่อใช้คืนชีพแทนร่างที่เสียหายไปด้วย\"

      เสียงนกที่ตอบกลับมากลายเป็นเสียงห้าวๆแต่เศร้าสร้อยของคาการิ
      \"ข้ากำลังพยายามอยู่ แต่ข้าไม่อยากชิงร่างมาจากคิระที่เกิดวันเวลาเดียวกับข้าเลย\"

      \"เรื่องนั้นไว้ว่ากันทีหลังเถอะ แต่ไฟชีวิตของคิระเหลืออีกไม่นานนักหรอก เมื่อยุ่งกับมนต์ดำแบบนั้น\"
      นางฟ้าลาคัสกล่าวเสียงจริงจัง ก่อนมอบHaroสีชมพูไว้เป็นเพื่อนและหายลับไป

      ดังนั้นอัสรันก็เลยมีลูกบอลสีชมพูพูดได้เป็นสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นอีกตัว และคิระก็หวาดผวาหนักขึ้นทุกทีๆ

      จวบจนวันครบรอบแต่งงานของอัสรันและคาการิมาถึง...
      เจ้าชายอัสรันประคองคาการิตัวปลอมเต้นรำเหมือนเมื่อตอนเจอกันครั้งแรก แต่คิระที่เต้นในจังหวะของตัวเองทำให้อัสรันรู้สึกผิดสังเกต และคิระก็รู้เรื่องนี้แล้วเช่นกันเลยพยายามเบี่ยงเบนความสนใจโดยการป้อนยาสเน่ห์อีกฝ่าย แต่ก่อนที่จะทำสำเร็จ คาการิตัวจริงในร่างนกแก้วก็พุ่งเข้าจิกตีอัสรันเป็นการใหญ่!?! แม้จะงงๆอยู่แต่สัญชาติญาณที่ฝังลึกเมื่อแต่งงานใหม่ๆทำให้เจ้าชายไม่กล้าตอบโต้จนโดนลูกถีบโทริเข้าเต็มยอดอกถึงกับล้มกระแทกพื้นนั่นเองจึงจดจำลูกถีบยามภรรยาเขินขึ้นมาได้

      บัดนั้น...
      เจ้าชายอัสรันก็โพล่งขึ้นมาว่า \"คาการิจริงๆสินะ!\"

      และแล้ววิญญาณคาการิก็ปรากฏอย่างเลือนรางทับร่างนกแก้วโทริพร้อมรอยยิ้มอันเศร้าสร้อย

      \"งั้นเจ้าก็คือคิระ น้องสาวคาการิล่ะสิ บังอาจมาหลอกข้าได้นะ!\"
      อัสรันหันไปตะคอกใส่ภรรยากำมะลอด้วยความโกรธา เมื่อพลันมองเห็นร่างอันแท้จริงภายใต้รูปลักษณ์ของคาการิสุดที่รักได้

      \"ตายไปแล้วยังไม่ยอมเลิกราอีกนะ นางซินเดอเรลล่า!\"    
      คิระที่สูญสิ้นทุกอย่างจึงตัดสินใจแลกชีวิตกับพี่สาวคนละแม่ของตนทันที โดยการถอดวิญญาณออกมาหมายห้ำหั่นกันให้ตายไปข้างหนึ่ง แต่ชั่วขณะที่วิญญาณคาการิจะถูกทำลายนั้น พิงค์จังก็อ้าปากดูดวิญญาณคิระเข้าไปในพริบตา และแล้วนางฟ้าทูนหัวลาคัสก็ปรากฏกายอีกคราพร้อมอธิบายว่าอายุขัยของคิระนั้นหมดไปนานแล้ว แต่เฟลย์ผู้เป็นมารดาไม่ยินยอมจึงใช้มนต์ดำเพิ่มไฟชีวิตให้ ดังนั้นร่างของคิระที่ยังใช้การได้อยู่ก็ขอมอบให้วิญญาณคาการิที่ถูกดับไฟก่อนเวลาอันควรแล้วกัน

      ด้วยเหตุนี้คาการิในร่างของคิระที่แปลงร่างเป็นคาการิอย่างถาวรก็ได้ครองรักกับอัสรันต่อไปอย่างมีความสุขชั่วกัลปาวสาน...

      FIN

      P.S. Please watch Gundam SEED now showing on ITV SAT-SUN 8:00am before reading my fairytale(^_^)

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×